โยคี ๓ ประเภท
ประเภทที่ ๑
พวกเราได้สัมภาษณ์โยคี ๓ ประเภทมาด้วยกัน โยคีบางท่าน สามารถบอกประสบการณ์ในการปฏิบัติได้อย่างแจ่มแจ้ง อธิบายเป็นขั้นตอน ถึงสิ่งที่พวกเขาได้พบ กับโยคีเช่นนั้น พวกเราไม่จำเป็นเน้นถาม หรือให้คำถามนำแต่อย่างใด พวกเราต้องฟังสิ่งที่พวกเขาพูดเท่านั้น ให้คำแนะนำบ้างเมื่อจำเป็น ทำแนวคิดหรือวิถีคิดที่ผิดให้ถูกต้อง บางครั้งเมื่อโยคีหย่อนยานในการปฏิบัติ ควรให้การบรรยาย หรือการสนทนาบ้าง ตามความเหมาะสม หนังสือเล่มนี้ได้เขียนบันทึกของโยคีลักษณะนั้นไว้ด้วย
ประเภทที่ ๒
โยคีบางประเภทไม่สามารถบอกถึงวิธีที่พวกเขาบันทึกหรือ
สิ่งที่พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจนได้ สิ่งนี้อาจจะเป็น ดังนั้น เนื่องจากความอายของพวกเขา ในกรณีเช่นนั้น ควรจะมีคำถามนำ
เมื่อจำเป็น เมื่อมีการถามนำ บางทีโยคียอมรับว่า เขาจำได้หรือ
มิเช่นนั้นแล้ว โยคีก็จะยอมรับเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขา
เพื่อที่จะทดสอบว่าโยคีกำลังพูดประสบการณ์จริงหรือไม่ พวกเราได้ถามเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ไม่อาจพบได้ และยังได้ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขประสบการณ์ของโยคี หรือบางทีก็ได้พูดสิ่งผิดเสมือนหนึ่งว่าเป็นของถูก บางครั้งพวกเราก็ถาม คำถามที่โยคีสามารถรายงานได้ ๒ อย่าง พระวิปัสสนาจารย์ก็สามารถถามโยคีที่ซื่อสัตย์หรือคด เกี่ยวกับสิ่งที่สามารถตัดออกในการจดบันทึกประสบการณ์ของโยคี
ประเภทที่ ๓
โยคีบางประเภทไม่สามารถอธิบายได้ แต่เมื่อพระวิปัสสนาจารย์ถามคำถามนำ พวกเขาก็จะให้คำโยคีรายงานที่ได้เรียนรู้มาจากคนอื่น
คำถามนำ หรือคำพูดเป็นนัย ไม่ควรใช้พูดกับโยคีแบบนั้น พระวิปัสสนาจารย์ควรฟังการบอกเล่าของเขาแทน ถ้าหากมีจุดที่ท่านต้องการทราบจากเขา ก็ให้ถามคำถามที่โยคีรายงานได้สองแบบ หรือถามตัวอย่างเช่น “เมื่อท่านกำหนดอาการพอง ท่านรู้อะไรบ้าง? ท่านรู้ได้อย่างไร? ถามในทำนองนั้นที่โยคีไม่อาจคาดเดาสิ่งที่ท่านอยากทราบ แบบนั้นเท่านั้น ท่านจึงจะสามารถรู้ระดับของสมาธิ และความรู้ที่แท้จริงของโยคี วิธีนี้ให้หลักคิดทั่วไปในการสัมภาษณ์โยคีทั้ง ๓ ประเภท ในแต่ละระดับความรู้